หน้าแรก » Placenta
Category Archives: Placenta

Placenta ผ่านการรับรองด้านยาเวชภัณฑ์รักษาโรค

Placenta ผ่านการรับรองด้านยาเวชภัณฑ์รักษาโรค

จากตำราทางการแพทย์ "Bencao Gangmu" สมัยราชวงศ์หมิงของประเทศจีน ได้แนะนำการใช้ Placenta ไว้ จากประวัติแพทย์ที่ใช้ Placenta รักษาทางการแพทย์ ที่ประเทศรัสเซีย โดย Dr.Filatou สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้นำ Placenta เก็บรักษาไว้ในที่ควบคุมอุณหภูมิต่ำเป็นระยะเวลามากกว่า 1 สัปดาห์ นำไปฝังในร่างกายสำหรับฆ่าเชื้อโรคเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ประเทศญี่ปุ่นได้รับการถ่ายทอดเรื่องนี้จากศาสตราจารย์ Hieda Kentaro แห่งมหาวิทยาลัย Kurume คณะแพทย์ศาสตร์ โดยศาสตราจารย์ Hieda ได้ทำการการทดสอบประสิทธิภาพการรักษาด้วยฝังเข้าไปในร่างกาย และทำการวิจัยเพิ่มเติมการสกัด Placenta ให้เป็นผงเพื่อนำไปเป็นวัคซีนฉีดยา

Placenta ช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ

ศาสตราจารย์ Hieda ค้นพบว่า วัคซีนที่สกัดมาจาก Placenta ช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ และ ช่วยรักษาโรคตับแข็ง และได้รับการรับรองด้านยาเวชภัณฑ์ "LAENNEC" จากกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 1959 และยาเวชภัณฑ์

"MELSMON" ที่ใช้ในการรักษาในฐานะคุณสมบัติ Placenta ช่วยกระตุ้นน้ำนมแม่ที่ไม่เพียงพอ และ ช่วยฟื้นฟูร่างกายที่สึกหรอตามวัยที่สูงขึ้น Placenta ยังใช้เป็นส่วนผสมหลักด้านผลิตภัณฑ์ความงามส่วนของ Collagen ที่ใช้กันมานาน

placenta_collagen

 

ความปลอดภัยของ Placenta

ความปลอดภัยของพลาเซนต้า

Michael Jackson เก็บความลับการทำให้ผิวขาวขึ้นโดยใช้ Placenta และจากคำกล่าวขวัญว่า "ดูอ่อนกว่าเยาว์ร่วม10ปี" จึงมีดารานักแสดงรวมไปถึงนักกีฬามืออาชีพหันมาใช้กันเพิ่มมากขึ้น Placenta ได้รับการตรวจสอบมาแล้วเรียบร้อยว่าไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยแต่อย่างใด
ด้านการรักษาของ Placenta เป็นศาสตร์การแพทย์ที่เห็นผลการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ และศาสตร์ทางการแพทย์ของตะวันตกเข้ามาช่วยให้ Placenta สามารถรักษาได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ขอให้ท่านนำ Placenta ไปใช้ได้อย่างถูกต้องเพื่อให้สัมผัสถึงประสิทธิภาพที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์

การเกิดฝ้าและกระ

สิ่งกระตุ้น+รังสีอัลตราไวโอเล็ต  

ผิวที่มีการผลัดเซลล์ผิวไม่ปกติ
– ผิวที่เป็นกระ
เมลานินเป็นสาเหตุให้เกิดกระ หากการผลัดเซลล์ผิวเป็นไปอย่างไม่สมบูรณ์ จะทำให้เมลานินสะสมในชั้นผิวและทำให้เกิดผิวที่เป็นกระ

ผิวที่มีการผลัดเซลล์ผิวปกติ
– ผิวที่เนียนสวยไม่เกิดกระ
หากเป็นผิวที่มีสุขภาพดีแล้ว เมลานินจะกลายสภาพเป็นคราบสกปรก และจะถูกขับออกไปพร้อมกับหนังกำพร้าเก่า

การผลัดเซลล์ผิวที่ไม่สมบูรณ์เป็นสาเหตุให้เกิดฝ้าและกระได้ ผิวของเรา หากได้รับสิ่งกระตุ้นและรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตแล้วจะทำให้เกิดเมลานินขึ้น ซึ่งหากการผลัดผิวเป็นไปอย่างสมบูรณ์เมลานินจะถูกผลักสู่ชั้นผิว และถูกขับออก แต่หากการผลัดเซลล์ผิวเป็นไปอย่างไม่สมบูรณ์แล้ว เมลานินจะถูกสะสมในชั้นผิวและจะกลายเป็นฝ้าหรือกระ

 

สารเมลานิน ( Melanin) หรือเม็ดสีสร้างจากเซลล์ผิวหนังที่เรียกว่าเมลาโนไซต์ (melanocyte) เป็นเซลล์ที่เจริญมาจากเซลล์ระบบประสาทซึ่งแทรกตัวอยู่ในชั้นหนังกำพร้าส่วนล่างสุด โดยเซลล์เมลาโนไซต์หนึ่งเซลล์จะแตกแขนงเป็นร่างแหเล็กๆ ยื่นไปสัมผัสเซลล์ผิวหนังประมาณ 35 เซลล์ เมลาโนไซต์จะสร้างสารเมลานินบรรจุในแคปซูลเรียกว่าเมลาโนโซม เมื่อสร้างเสร็จจะส่งไปตามร่างแหเข้าสู่เซลล์ผิวหนัง สารเมลานินสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด

1. ยูเมลานิน (Eumelanin) เป็นเซลล์เม็ดสีเข้ม เพราะมีเมลานินบรรจุอยู่ในแคปซูลมาก
2. ฟีโอเมลานิน (Pheomelanin) เป็นเซลล์สีเหลืองหรือแดง เพราะมีเมลานินน้อย
ฉะนั้นคนผิวขาว ผมแดง จึงมีฟีโอเมลานินมาก ส่วนคนผิวเข้ม ผมดำ จึงมียูเมลานินมาก ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้คนผิวดำแตกต่างจากคนผิวขาว ผิวเหลือง คือคนผิวเข้มจะมีการสร้างเมลาโนโซมขนาดใหญ่กว่า มีจำนวนมากกว่า จึงทำให้สร้างเมลานินได้มากกว่า รวมถึงเมลาโนโซมถูกทำลายช้ากว่าคนผิวขาวด้วย แต่สีผิวของคนเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับเมลานินเพียงอย่างเดียว ยังขึ้นอยู่กับเส้นเลือดและสารบางชนิด เช่น บีตา-แคโรทีนที่ทำให้ผิวเหลือง นอกจากนี้ผิวหนังทั่วร่างกายของเราก็ยังมีการกระจายตัวของเม็ดสีไม่สม่ำเสมอ อาทิ พบเซลล์เม็ดสีมากบริเวณหน้า หัวนม อวัยวะเพศ

หน้าที่ของเมลานิน

เมลานินมีกลไกออกฤทธิ์ป้องกันแสงหลายประการ ได้แก่
1. ทำหน้าที่เหมือนแผ่นกรองแสง
2. ช่วยกระจายแสง เช่น แสงที่มีความยาวคลื่นสั้นอย่างแสงสีม่วงฟ้าที่เมื่อกระทบผิวหนังจะถูกหักเหออกไป
3. ดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลตและแสงที่เห็นด้วยตาเปล่า แล้วกระจายออกเป็นความร้อน
4. ทำหน้าที่จับอนุมูลอิสระ

ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/เมลานิน

 

 

เรียนรู้พลังพลาเซนต้าจากสัตว์

ประโยชน์จากการที่สัตว์กินรกตัวเองหลังออกลูก

รก มีเฉพาะในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเท่านั้น ท่านทราบไหมว่าเวลามนุษย์คลอดลูก รกที่เหลือจากการคลอดมีมนุษย์เท่านั้นที่ทิ้งรกของตัวเอง หากเป็นสัตว์อื่นๆที่เลี้ยงลูกด้วยนมเวลาออกลูก มักจะกินรกของตัวเอง ซึ่งจะเป็นวัฏจักรอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

ประโยชน์จากการที่สัตว์กินรกตัวเองหลังออกลูก
– เพื่อลดกลิ่นคาว และป้องกันภัยจากศัตรู
– รกมีประโยชน์และคุณค่ามากมาย ทำให้สัตว์ที่ออกลูกแล้วเมื่อกินรกเข้าไปจะทำให้ฟื้นตัวได้เร็ว

กรณีมนุษย์ พึ่งจะเริ่มนำ พลาเซนต้า (Placenta)  มาใช้ (รับประทาน) เมื่อเร็วๆนี้เอง เพราะว่าได้มีการยอมรับว่า พลาเซนต้า มีประโยชน์มากมาาย นอกจากนี้เทคโยโลยีสามารถที่จะสกัดพลาเซนต้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น จนถึงขั้นนำมาเป็นยาฉีดเข้าร่างกายของมนุษย์ได้

รวมทั้งยังสามารถสกัดพลาเซนต้าจากหมูและม้าได้ด้วย โดยนำมาทำในลักษณะของเครื่องดื่ม ยาเม็ด ส่วนประกอบในอาหารเสริม และสินค้าอื่น ซึ่งจะพบเห็นมากขึ้นในปัจจุบัน

ในอนาคตประโยชน์ของพลาเซนต้า ยิ่งเป็นที่ยอมรับมากขึ้น เนื่องจากผู้คนจะเริ่มให้ความสนใจ เห็นคุณค่าของพลาเซนต้ามากขึ้นต่อไป

พลาเซนต้าชนิดแคปซูล

พลาเซนต้า
พลาเซนเทียร์
ผลิตภัณฑ์ พลาเซนต้า ที่นำเข้าโดย Shanier  เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น

ส่วนประกอบที่สำคัญ

ประโยชน์ที่ได้รับ

รอยแผลเป็นจากสิว

รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว

สิว (อังกฤษ: acne vulgaris หรือ cystic acne) คือตุ่มเม็ดเล็กๆ ที่มีหนองเป็นไตสีขาว ๆ อยู่ข้างใน ขึ้นตามหน้า เกิดขึ้นเพราะผิวหนังมีการอุดตันอยู่ใต้รูขุมขนจากหัวสิว โคมิโดน (Comedone) ซึ่งสามารถอักเสบได้ง่ายหากมีตัวกระตุ้นเพิ่มเติม เช่น แบคทีเรีย หรือ ฝุ่นละอองในอากาศ

สาเหตุของสิว มีหลายสาเหตุ สาเหตุหลัก ๆ แบ่งได้ 2 ปัจจัยดังนี้
1. ปัจจัยภายใน คือ ปัจจัยที่เกิดจากร่างกายเราเอง เช่น ฮอร์โมน, กรรมพันธุ์, โรคเรื้อรัง และ ผิวพรรณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ติดตัวเราตั้งแต่กำเนิด
2. ปัจจัยภายนอก คือ ปัจจัยที่เกิดขึ้นจากนอกร่างกายของเรา เช่น ยา, เครื่องสำอาง, สภาพแวดล้อม, สังคม, แสงแดดและอุณหภูมิ ความสะอาด และ อาหาร ซึ่งเราสามารถป้องกันได้

สิว (Acne) สามารถแบ่งเป็น 2 ชนิดหลัก คือ 
1. สิวไม่อักเสบ หรือสิวอุดตัน (Comedone)
เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน สิวชนิดนี้มีลักษณะเป็นเม็ดตุ่มเล็กๆ ที่เกิดบริเวณผิวหน้าของเรา แบ่งเป็น 2 ชนิดหลักๆ คือ 

สิวหัวปิด หรือสิวหัวขาว (White head) เห็นเป็นตุ่มนูนเล็กๆ หัวขาวๆ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.1-3 มิลลิเมตร มีสีเดียวกับผิวหนังปกติ สิวประเภทนี้เกิดจากการอุดตันสะสมอยู่ในท่อเปิดของต่อมไขมันและขุมขน (Pilosebaceous unit) แต่ท่อเปิดจะเล็กมากจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า สิวหัวปิดขนาดใหญ่ อาจจะคงอยู่ได้ นานหลายสัปดาห์ หรือ หลายเดือน ประมาณ 75% ของสิวชนิดนี้จะกลายไปเป็นสิวอักเสบ 

สิวหัวเปิด หรือสิวหัวดำ (Black head) เห็นเป็นตุ่มนูนเล็กๆ หัวดำๆ เส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 0.1-3 มิลลิเมตร และสังเกตดีๆ จะมีจุดดำอยู่ตรงกลาง ซึ่งจุดเหล่านี้ก็เป็นกลุ่มเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว, ไขมัน, และเชื้อ P.acnes อุดอยู่ในท่อเปิดของต่อมไขมัน 

นอกจากนี้ยังอาจแบ่งสิวอุดตันได้อีกชนิดหนึ่ง คือ สิวอุดตันชนิดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (Microcomedone) จากการตรวจทางกล้องจุลทรรศน์ของผิวในบริเวณที่ดูปกติ ในบุคคลที่เสี่ยงต่อการเกิดสิว พบ Microcomedone ได้ 28% ข้อมูลดังกล่าวจึงสนับสนุนการใช้ยาทารักษาสิว แม้ในบริเวณที่ยังไม่มีสิวให้เห็น 

2. สิวอักเสบ (Inflammatory acne) 
สิวชนิดนี้คือ เกิดจากการอักเสบของสิวอุดตัน (Comedone) ที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย (BACTERIA) แทรกซ้อน จะมีลักษณะเป็นเม็ดบวมแดง หรือเป็นหัวหนอง หรืออาจจะกลายเป็นถุงซีสต์ ที่เรียกว่า “สิวหัวช้าง” และสามารถแบ่งเป็นหลายชนิดด้วยกัน ดังนี้ 

สิวชนิดตุ่มนูนแดง (Papule) มีขนาดแตกต่างกันออกไป ร้อยละ 50 ของสิวชนิดนี้เกิดจากสิวที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (microcomedone), 25% เกิดจากสิวหัวปิด และอีก 25% เกิดจากสิวหัวเปิด 

สิวหนอง (Pustule) มีได้หลายขนาด อาจตื้น หรือ ลึกก็ได้ ถ้าเป็นสิวหนองชนิดตื้นจะหายได้เร็วกว่าชนิดที่เป็นตุ่มนูนแดงแข็ง (papule) ส่วนสิวหนองชนิดลึกมักจะพบน้อยกว่า และพบในผู้ที่เป็นสิวค่อนข้างรุนแรง โดยเริ่มมาจากตุ่มนูนแดงแข็งก่อน อาจเป็นอยู่ได้นานมากกว่า 7 วัน มักมีอาการเจ็บร่วมด้วย และใช้เวลาในการหายประมาณ 2-6 สัปดาห์ 

สิวอักเสบแดงเป็นก้อนลึก (Nodule) มักมีขนาดตั้งแต่ 8 มม.ขึ้นไป อาจใช้เวลาในการหายถึง 8 สัปดาห์ และมักจะทำให้เกิดเป็นรอยแผลเป็นตามมาได้ 

สิวเป็นถุงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง (Cyst) พบได้ไม่บ่อย มักมีขนาดใหญ่ได้หลายเซนติเมตร ภายในบรรจุหนองหรือสารเหลวคล้ายเนย รอยโรคอาจรวมกันเป็นสิวขนาดใหญ่มากๆ ได้ สิวลักษณะนี้มักจะก่อให้เกิดรอยแผลเป็นเสมอ 

สิวเสี้ยน (Trichostasis spinulosa) สิวประเภทนี้พบได้ค่อนข้างบ่อยเลยค่ะ โดยเฉพาะ บริเวณจมูก, คาง, ลำตัวส่วนบน, ต้นแขน และหลังบริเวณระหว่างกระดูกสะบัก ถึงเราจะเรียกว่าเป็นสิวเสี้ยน แต่จริงๆ แล้วทางการแพทย์ไม่จัดว่าสิวเสี้ยน เป็นสิวนะค่ะ เพียงแต่ว่าเนื่องจากบริเวณที่พบสิวเสี้ยนเป็นบริเวณใกล้เคียงกับที่พบสิวโดยทั่วไป และก่อปัญหาทางด้านความงามได้พอๆ กับสิวแท้ 

โดยความจริงแล้ว สิวเสี้ยน นั่นก็คือ กลุ่มของขนอ่อน (Vellus hair) หลายๆ เส้นที่สะสมอุดตันอยู่ในรูขุมขน เห็นเป็นขนแหลมๆ สีดำ ยื่นออกมาจากรูขุมขน ในบริเวณดังที่กล่าวมาแล้ว 

ส่วนกลไกของการเกิดจริงๆ นั้น ยังไม่ทราบแน่ชัดค่ะ แต่ที่อาจเป็นไปได้ คือ มีการหนาตัวของเซลล์ชั้นหนังกำพร้าที่มากขึ้น จนมาปิดกั้นรูขุมขน ทำให้ขนที่สร้างขึ้นไม่สามารถหลุดออกไปได้ 

ผลข้างเคียงจากการเกิดสิวอักเสบ มักเกิดได้บ่อย ถ้าไม่่รีบรักษา คือ 
1. รอยดำจากสิว 
2. รอยแดงช้ำ ซึ่งอยู่ได้นาน เป็นเดือนๆ 
3. รอยหลุมจากสิว หรือ Icepick-scar 

สิวอักเสบจะทำลายเนื้อเยื่อในชั้นด้านในของผิว หลังจากสิวยุบจะยังเหลือร่องรอยสภาพผิวคล้ำ หากมีรอยจำนวนมากจะทำให้ใช้ระยะเวลารักษานานขึ้น พลาเซนต้าจะช่วยลดการอักเสบ ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย
ซึ่งในปัจจุบันผลิตภัณฑ์พลาเซนต้าจะมีอยู่ในรูปแบบอาหารเสริมหรือเครื่องดื่ม ผู้ที่มีรอยแผลเป็น ผิวหน้ามีหลุมลึก หลุมจากสิว ผิวหน้าไม่เรียบเนียน หากได้รับพลาเซนต้าอย่างสม่ำเสมอ ปัญหาเหล่านั้นจะค่อยๆจางลง ผิวหน้าเนียนใสขึ้นภายใน 1 เดือน

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

http://acnecaresite.blogspot.com/2012/08/blog-post_6.html
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A7
 

พลาเซนต้าบรรเทาอาการภูมิแพ้

ประโยชน์จากพลาเซนต้า

ประโยชน์ของ Placenta นั้น ไม่เพียงช่วยชะลอวัย ลดรอยหมองคล้ำ ลดรอยกระ ฝ้าแล้วนั้นยังช่วยบรรเทา โรคภูมิแพ้ พลาเซนต้าช่วยโดยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคภูมิแพ้ กระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิตในร่างกาย ระบบประสาทต่างๆทำงานได้ดีขึ้น ผลัดเซลล์เก่าออก กระตุ้นสร้างเซลล์ใหม่ อีกทั้งยังเป็นผลให้ร่างกายและผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวา 

 

 

Placenta ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต

พลาเซนต้า ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต

ระบบไหลเวียนโลหิต เป็นระบบที่นำสารเข้าและออกจากเซลล์ สามารถช่วยในการรักษาระดับอุณหภูมิ ความเป็นกรด-เบส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาดุลยภาพของร่างกาย  ส่วนประกอบสำคัญของระบบไหลเวียนโลหิต: หัวใจ,เลือด,และเส้นเลือด ระบบไหลเวียนโลหิตยังรวมไปถึง pulmonary circulation คือ ระหว่างหัวใจและปอด และ systemic circulation คือระหว่างหัวใจและร่างกายของเรา

Placentaช่วยให้เลือดในร่างกายและสมอง หมุนเวียนได้ดีขึ้น

พลาเซนต้ากระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต เนื่องจากพลาเซนต้า (Placenta) ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ ช่วยให้เลือดในร่างกายและสมอง หมุนเวียนได้ดีขึ้น ผู้ที่มีอาการจากเส้นเลือดสมองตีบ บาดเจ็บหรือมีบาดแผลต่างๆในร่างกาย หากรักษาด้วยพลาเซนต้าจะทำให้อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดจากพลาเซนต้าเข้าไปช่วยกระตุ้นให้เลือดในร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้น

Placenta กระตุ้นการเสริมสร้าง Ceramide

พลาเซนต้า กระตุ้นการเสริมสร้าง Ceramide

ลักษณะโดดเด่นของ Placenta ช่วยเสริมสร้างสิ่งที่จำเป็นสำหรับร่างกายได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น มีหน้าที่รักษาความชุ่มชื่นให้กับผิวพรรณจากเซลล์ไขมัน กล่าวโดยสรุปคือ ช่วยเสริมสร้างชั้น Ceramide

Placenta ช่วยรักษาความชุ่มชื่นพร้อมทั้งกระตุ้นเสริมสร้าง Ceramide

Placenta มีหน้าที่หลักช่วยเชื่อมต่อประสานระหว่างเซลล์และเซลล์ที่อยู่ในชั้น Coenocyte ซึ่งมีประสิทธิภาพมากในส่วนของไขมัน 

ในชั้นนี้มีส่วนประกอบของ Moisture มากถึง 30 เปอร์เซนต์ ดังนั้นเพื่อทำการป้องกันไม่ให้สูญเสีย Moisture นี้ไป  Placenta มีหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Barrier ให้สูงขึ้น

หากมีอายุที่เพิ่มมากขึ้นก็จะสูญเสีย Ceramide ไปทีละน้อย ส่งผลให้ผิวหยาบกร้าน  ผิวแห้ง เกิดกระ หรือ จุดด่างดำ บนผิวหนังได้ ผลสรุปของ Placenta ช่วยแก้ไขปัญหาผิวแห้ง ป้องกันผิวที่หยาบกร้าน และช่วยให้ผิวขาว เนียน สวยขึ้น และยังมีประสิทธิภาพช่วยแก้ไขโรคผิวหนังภูมิแพ้ได้อีกด้วย Ceramide ถูกค้นพบเมื่อปี 1884 โดยแพทย์ชาวเยอรมัน จากสมองของมนุษย์ จากนั้นก็ค้นพบอีกว่า Ceramide มีทั้งในผิวหนังและเซลล์ต่างๆในร่างกายมนุษย์ จากความก้าวหน้าทางการวิจัย จึงให้ทราบว่าสามารถตอบสนองทางสรรพคุณของยาและมีหน้าที่ช่วยให้สิ่งมีชีวิต ในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มที่ซึ่งในปัจจุบันได้รับความยอมรับอย่างแพร่หลายว่ามีสรรพคุณช่วยให้ผิวพรรณขาว สวยและรักษาความชุ่มชื่นของผิวพรรณได้จริง


ผิวพรรณที่มี Placenta ผสมอยู่นั้น สามารถกระตุ้นให้ออกฤทธิ์ทำงานดังนี้ 

1.เสริมสร้างผิวขาวสวย
2.รักษาความชุ่มชื่น
3.ช่วยต้านการอักเสบ 
4.ต้านออกซิเดชั่น
5.ต้านภูมิแพ้ 
6.ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
7.ช่วยเผาผลาญอาหารให้ดีขึ้น
8.ช่วยกระตุ้นการแบ่งเซลล์ 

Placenta ยังช่วยเสริมสร้างสิ่งที่จำเป็นสำหรับร่างกายได้อีกหลายอย่าง และยังช่วยแก้ไขปัญหาด้านผิวพรรณ และช่วยกระตุ้นให้ผิวพรรณขาว เนียน สวยได้อย่างมีประสทธิภาพ

 

พลาเซนต้าลดความเหนื่อยล้า

พลาเซนต้าลดความเหนื่อยล้า
พลาเซนต้า นั้นไม่ได้เพียงเสริมสร้างความงามแต่เพียงอย่างเดียวแต่ยังมีส่วนทำให้สุขภาพดีขึ้นอีกด้วย
จากการสำรวจสุภาพสตรีในประเทศญี่ปุ่น ที่มีรับประทานพลาเซนต้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้นอนได้เร็วขึ้น ร่างกายแข็งแรงขึ้นไม่เหนื่อยง่าย บางท่านนอนไม่พอ แต่ก็ยังสุขภาพแข็งแรง ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น